อาหารภาคกลาง

ภาคกลาง
          พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ข้าวปลาอาหารจึงอุดมสมบูรณ์เกือบตลอดทั้งปี รวมทั้งมีพืชผัก ผลไม้นานาชนิด
ด้วยเหตุนี้อาหารภาคกลางจึงเป็นอาหารที่มีความหลากหลาย ทำให้รสชาติของอาหารภาคกลางไม่เน้นไปทางรสใดรสหนึ่งโดยเฉพาะ คือมีทั้งรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว และหวานคลุกเคล้าไปตามชนิดต่างๆของอาหาร นอกจากนี้มักมีการใช้เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรส เช่น เครื่องเทศ และมักใช้กะทิเป็นส่วนประกอบของอาหาร
อาหารภาคกลางเป็นอาหารที่มักจะมีเครื่องเคียงของแนมร่วมรับประทานด้วย เช่น น้ำพริกลงเรือ แนมด้วยหมูหวาน น้ำปลาหวานทานกับสะเดา เป็นต้น
จุดเด่นคือ อาหารภาคกลางมักจะมีการประดิษฐ์ สร้างสรรค์อย่างวิจิตรบรรจง ผัก และผลไม้มีการแกะสลักอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงาม
                               


  •  ห่อหมกปลา
ส่วนผสมหลัก
เนื้อปลาช่อน          400 กรัม
มะพร้าวขูด            200 กรัม
แป้งข้าวเจ้า               5 กรัม
ไข่                             1 ฟอง
ใบยออ่อน               20 ใบ
ใบมะกรูดหั่นฝอย    30 กรัม
ผักชีซอย                  16 กรัม
พริกชี้ฟ้าแดงซอย      1 เม็ด
น้ำปลา                        15 กรัม
ใบตองสำหรับทำกระทง     
ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกแห้ง                   5 เม็ด
กระเทียม                   3 หัว
ข่าซอย                      16 กรัม
กระชาย                   8 กรัม
ตะไคร้                     16 กรัม
ผิวมะกรูด               8 กรัม
รากผักชีซอย           8 กรัม
พริกไทย                  5 เม็ด
เกลือป่น                     3 กรัม
กะปิ                        5 กรัม
วิธีทำ 
โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียดแล่เนื้อปลาเป็นชิ้นบางๆคั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 2 ถ้วย แบ่งกะทิไว้ 1 ถ้วย ใส่แป้งข้าวเจ้าลงในหัวกะทิคนให้ละลาย นำไปต้มจนเดือด ใช้ราดหน้าห่อหมกกะทิ 1 ถ้วย คนกับเครื่องแกงให้เข้ากัน ใส่ปลา ไข่ น้ำปลา คนให้เข้ากันใส่ใบโหระพา ผักชี คนให้เข้ากันเย็บกระทงใบตองรองด้วยใบยอ ตักส่วนผสมห่อหมกปลาใส่กระทง นำไปนึ่งจนสุก ราดหน้าด้วยหัวกะทิ โรยด้วยหั่นฝอย และพริกชี้ฟ้าแดง นึ่งต่ออีก 3 นาที   




                                                           

  •    แกงเผ็ดเป็ดย่าง

ส่วนผสมหลัก
ป็ดย่าง                     1 ตัว
มะเขือเทศสีดา      200 กรัม
มะอึกห่ามเอาขนออก      13 ลูก
มะพร้าวขูด  500 กรัม
พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง   1 เม็ด
โหระพาเด็ดเป็นใบ         5 กรัม
ใบมะกรูดฉีก        5 ใบ
น้ำตาลทราย 6 กรัม
น้ำปลา         10 กรัม
ระกำ  30 กรัม
ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกแห้ง     5 เม็ด
หอมแดง     20 กรัม
กระเทียม     5 กรัม
ข่าหั่นละเอียด        5 กรัม
ตะไคร้        12 กรัม
ผิวมะกรูด    4 กรัม
รากผักชี      8 กรัม
ลูกผักชี        5 กรัม
ยี่หร่า 5 กรัม
พริกไทยเม็ด         5 กรัม
เกลือป่น      3 กรัม
กะปิ   3 กรัม
วิธีทำ
วิธีทำเครื่องแกง
โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิครึ่งถ้วย หางกะทิ 3 ถ้วย
เลาะกระดูกเป็ดย่างออก หั่นเป็นชิ้นพอคำ ขนาด 1x1 นิ้ว
เคี่ยวหางกะทิ กับกระดูกคอ ปีก ข้อต่อจนเปื่อย
ล้างมะเขือเทศให้สะอาด
ใส่หัวกะทิลงในกระทะ ตั้งไฟให้แตกมัน ใส่เครื่องแกงผัดให้หอม ใส่เนื้อเป็ดลงผัด แล้วตักใส่ในหม้อเป็ดที่เคี่ยวไว้ ตั้งไฟปานกลาง ใส่ใบมะกรูด

ใส่มะเขือเทศ มะอึก ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า และระกำ ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา
                  



                                                                        

  • หมี่กะทิ

ส่วนผสมหลัก
เส้นหมี่แช่น้ำพอนุ่ม 200 กรัม
เนื้อหมูหั่นชิ้นเล็ก    150 กรัม
ไข่ไก่  1 ฟอง
เต้าหู้เหลืองหั่นชิ้นเล็ก        100 กรัม
มะพร้าวขูด   250 กรัม
ถั่วงอก           300 กรัม
ใบกุยช่ายหั่นท่อนเล็ก         20 กรัม
ผักชี    2 ต้น
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย          2 เม็ด
พริกป่น          5 กรัม
หอมแดงสับละเอียด            25 กรัม
น้ำตาลทราย  24 กรัม
เต้าเจี้ยว          65 กรัม
น้ำมะขามเปียก         30 กรัม
น้ำมัน 10 กรัม
วิธีทำ 
คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 2 ถ้วยใส่น้ำมันในกระทะเล็กน้อย ต่อยไข่ใส่ชาม ตีพอเข้ากันเทใส่ในกระทะ กรอกไข่ไปมาจนเป็นแผ่นบาง พอสุกม้วนให้เป็นแท่งกลม ตักขึ้นแล้วหั่นฝอยใส่กะทิในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง เคี่ยวจนแตกมันเล็กน้อย ใส่หอมแดง ไก่ เต้าเจี้ยว น้ำตาล น้ำมะขามเปียก เต้าหู้ พริกป่น ผัดให้เข้ากัน ตักแบ่งไว้ครึ่งหนึ่ง สำหรับราดหน้าใส่เส้นหมี่ลงในกระทะที่มีกะทิเหลืออยู่ ใส่ถั่วงอก ใบกุยช่าย ผัดให้เข้ากันจนสุก ตักใส่จาน ราดหน้าด้วยส่วนผสมที่แบ่งไว้ โรยผักชี พริกชี้ฟ้า และไข่เจียว รับประทานกับถั่วงอก กุยช่าย หัวปลี ใบบัวบก


                                                                      
ที่มา;;http://www.thaifoodtoworld.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น